วิตามินกินเวลาไหนดีที่สุด
วิตามินและอาหารเสริม กินเวลาไหนดีที่สุด
อาหารเสริมและวิตามินมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ การตัดสินใจซื้อไม่ควรดูที่ราคาแพงอย่างเดียว แต่ควรมี อย. รับรอง จะได้ไม่เสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร การทานวิตามินและอาหารเสริมจริงๆ แล้ว ทานเมื่อไรก็ได้ ก่อนอาหาร หลังอาหารหรือพร้อมอาหารก็ได้ เพราะร่างกายจะเลือกเก็บทุกสิ่งที่ร่างกายต้องการ แต่ควรจะกินให้ตรงเวลาทุกวันเพื่อเป็นการสร้างนิสัยให้เราไม่ลืม แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็ต้องขอแนะนำเป็น “ช่วงเช้า” เวลาเช้าเป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัวมากที่สุด และต้องการสารอาหารมากที่สุด การทานวิตามินและอาหารเสริมจะได้ประโยชน์สูงสุดก็ควรเริ่มต้นที่มื้อเช้าเป็นหลัก
เรามีข้อแนะนำให้การทานวิตามินและอาหารเสริมที่ถูกต้องมาฝาก
- วิตามินและอาหารเสริมที่ละลายไขมัน ควรทานพร้อมอาหารที่มีไขมันด้วยเล็กน้อย เช่น วิตามิน A, D, E, K, CO-Q10, Fish oil, EPO, Lecithin ฯลฯ
- วิตามินและอาหารเสริมที่ละลายในน้ำ พวก C, B, วิตามินรวม เมล็ดองุ่น เปลือกสน ให้ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็ได้
- พวกกรดอะมิโนต่างๆ ให้ทานขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร ชั่วโมงครึ่งก็ได้
- กลูต้าไธโอน ให้ทานตอนเช้าในขณะท้องว่างยิ่งดี หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือก่อนนอนในขณะท้องว่าง
- วิตามินรวมผสมแร่ธาตุ ให้ทานหลังอาหารเช้า
- วิตามินอี ควรทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย แต่ห้ามทานพร้อมธาตุเหล็กเพราะไม่ถูกกัน
- แคลเซียม ทานพร้อมอาหาร หรืออาหารที่ทำมาจากนมได้ยิ่งดี
- ธาตุเหล็ก ทานพร้อมน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีหรือน้ำส้ม แต่ห้ามกินกับชา กาแฟ
- สังกะสี ให้ทานพร้อมอาหารที่มีโปรตีนสูง หากเป็นชนิดคีเลต ให้ทานขณะท้องว่าง
- น้ำมันอีฟนิ่ง ให้ทานพร้อมวิตามินอี และให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย
- Grape seed ทานเวลาไหนก็ได้
- CO-Q10 ทานพร้อมอาหาร
- Lecithin ให้ทานอาหาร เลซิตินมีประโยชน์ต่อตับและประสาท แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจเกิดอาการข้างเคียงเหงื่อแตก คลื่นไส้ ท้องอืดท้องเสีย กลิ่นตัว หัวใจเต้นผิดปกติ
ทำไม “เวลา” จึงมีผลต่อการดูดซึมวิตามิน?
ร่างกายของเรามีกลไกนาฬิกาชีวภาพ (circadian rhythm) ที่ควบคุมฮอร์โมน การเผาผลาญ และกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ตลอด 24 ชั่วโมง วิตามินบางกลุ่มจะถูกดูดซึมได้สูงสุดเมื่อค่า pH ของกระเพาะ และระดับเอนไซม์ย่อยอาหารอยู่ในช่วงเหมาะสม เช่น วิตามินบีรวมซึ่งช่วยสร้างพลังงาน หากรับประทานช่วงเช้าพร้อมอาหาร ร่างกายจะเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงานได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขณะที่เมลาโทนินหรือแคลเซียมแมกนีเซียมเหมาะกับช่วงหัวค่ำ เพราะสนับสนุนวงจรการหลับลึก ดังนั้นการ “เลือกเวลา” จึงไม่ใช่แค่เรื่องจำง่าย แต่เป็นการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินให้สอดคล้องกับระบบร่างกายตามธรรมชาติ
จัดตารางวิตามินอย่างไรให้ไม่พลาดแม้ชีวิตเร่งรีบ
หลายคนตั้งใจเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยวิตามิน แต่กลับลืมเม็ดที่ต้องกินกลางวันหรือก่อนนอน เคล็ดลับคือแบ่งวิตามินใส่กล่องแยกเช้า-กลางวัน-เย็นล่วงหน้าตั้งแต่วันอาทิตย์ และตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์ตามมื้ออาหารจริง หากทำงานกะดึก ให้ยึด “มื้อแรกของวัน” เป็นเช้าเสมอ แม้เวลาจะเลื่อนเป็น 11 โมง การคงจังหวะเดิมช่วยให้ร่างกายจดจำการดูดซึมและลดความเสี่ยงกินซ้ำเกินขนาด สำหรับคนเดินทางบ่อย ควรพกซองซิปแยกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเขย่าวิตามินรวมกันซึ่งอาจทำให้เม็ดนิ่มหรือแตก
จับคู่เมนูอาหารกับวิตามิน เพิ่มการดูดซึมได้สูงสุด
ตัวอย่างเมนูเช้าที่เหมาะกับวิตามินละลายในไขมันคือ ขนมปังโฮลวีตทาอโวคาโด + ไข่ต้มหนึ่งฟอง ไขมันดีจากอโวคาโดช่วยนำส่งวิตามิน A D E K และ Co-Q10 ได้ดีกว่าเดิม ส่วนวิตามินซีหรือสังกะสีให้รับประทานคู่โยเกิร์ตผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้มโอหรือกีวีซึ่งมีกรดอ่อน ๆ ช่วยเร่งการดูดซึมธาตุเหล็ก นอกจากนี้การดื่มน้ำหนึ่งแก้วใหญ่ก่อนกินวิตามินชนิดละลายน้ำ ยังช่วยให้สารอาหารกระจายตัวสม่ำเสมอและลดการระคายเคืองกระเพาะ
ลดความเสี่ยง “กินซ้ำ–กินตัดกัน” ด้วยหลัก 4 ตรวจ
แม้วิตามินจะมีประโยชน์ แต่การรับประทานซ้ำซ้อนอาจสะสมจนเป็นภาระตับและไต ก่อนเริ่มขวดใหม่ให้ตรวจ
- ฉลากปริมาณต่อเม็ด
- สารอาหารที่ซ้ำกับผลิตภัณฑ์อื่น
- วันหมดอายุ
- คำเตือนเรื่องยาตีกัน เช่น วิตามินอีไม่ควรกินพร้อมธาตุเหล็ก หรือแคลเซียมตัดการดูดซึมสังกะสี
หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อจัดตารางเสริมอาหารให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
สรุปเคล็ดลับจำง่าย: “เช้า A-D-E-K, กลางวัน B-C, ก่อนนอน คลายกล้ามเนื้อ”
ยึดสูตรจำง่าย “เช้า A-D-E-K, กลางวัน B-C, ก่อนนอน คลายกล้าม” คือ
- เช้า : วิตามินละลายไขมัน A D E K, Co-Q10, Fish Oil พร้อมอาหาร
- กลางวัน : กลุ่มบี-คอมเพล็กซ์และวิตามินซี ช่วยรีเฟรชพลังงานยามบ่าย
- ก่อนนอน : แคลเซียม แมกนีเซียม หรือกรดอะมิโนที่ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
เมื่อกำหนดตารางคงที่ ร่างกายจะรับรู้จังหวะการดูดซึม สารอาหารจะทำงานเสริมกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมสร้างสุขนิสัยไม่ลืมเม็ดสำคัญในแต่ละวัน
วิตามินและอาหารเสริม กินเวลาไหนดีที่สุด
อาหารเสริมและวิตามินมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ การตัดสินใจซื้อไม่ควรดูที่ราคาแพงอย่างเดียว แต่ควรมี อย. รับรอง จะได้ไม่เสียเงินโดยไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร การทานวิตามินและอาหารเสริมจริงๆ แล้ว ทานเมื่อไรก็ได้ ก่อนอาหาร หลังอาหารหรือพร้อมอาหารก็ได้ เพราะร่างกายจะเลือกเก็บทุกสิ่งที่ร่างกายต้องการ แต่ควรจะกินให้ตรงเวลาทุกวันเพื่อเป็นการสร้างนิสัยให้เราไม่ลืม แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็ต้องขอแนะนำเป็น “ช่วงเช้า” เวลาเช้าเป็นเวลาที่ร่างกายตื่นตัวมากที่สุด และต้องการสารอาหารมากที่สุด การทานวิตามินและอาหารเสริมจะได้ประโยชน์สูงสุดก็ควรเริ่มต้นที่มื้อเช้าเป็นหลัก
เรามีข้อแนะนำให้การทานวิตามินและอาหารเสริมที่ถูกต้องมาฝาก
1. วิตามินและอาหารเสริมที่ละลายไขมัน ควรทานพร้อมอาหารที่มีไขมันด้วยเล็กน้อย เช่น วิตามิน A, D, E, K, CO-Q10, Fish oil, EPO, Lecithin ฯลฯ
2. วิตามินและอาหารเสริมที่ละลายในน้ำ พวก C, B, วิตามินรวม เมล็ดองุ่น เปลือกสน ให้ทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็ได้
3. พวกกรดอะมิโนต่างๆ ให้ทานขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร ชั่วโมงครึ่งก็ได้
4. กลูต้าไธโอน ให้ทานตอนเช้าในขณะท้องว่างยิ่งดี หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือก่อนนอนในขณะท้องว่าง
5. วิตามินรวมผสมแร่ธาตุ ให้ทานหลังอาหารเช้า
6. วิตามินอี ควรทานพร้อมอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย แต่ห้ามทานพร้อมธาตุเหล็กเพราะไม่ถูกกัน
7. แคลเซียม ทานพร้อมอาหาร หรืออาหารที่ทำมาจากนมได้ยิ่งดี
8. ธาตุเหล็ก ทานพร้อมน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีหรือน้ำส้ม แต่ห้ามกินกับชา กาแฟ
9. สังกะสี ให้ทานพร้อมอาหารที่มีโปรตีนสูง หากเป็นชนิดคีเลต ให้ทานขณะท้องว่าง
10. น้ำมันอีฟนิ่ง ให้ทานพร้อมวิตามินอี และให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย
11. Grape seed ทานแวลาไหนก็ได้
12. CO-Q10 ทานพร้อมอาหาร
13. Lecithin ให้ทานอาหาร เลซิตินมีประโยชน์ต่อตับและประสาท แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจเกิดอาการข้างเคียงเหงื่อแตก คลื่นไส้ ท้องอืดท้องเสีย กลิ่นตัว หัวใจเต้นผิดปกติ
ที่มา : http://www.vitaminboom.com